สีเสื้อประจําวัน เสริมสิริมงคลชีวิต สีอัปมงคลตามวันเกิด

สีเสื้อประจําวัน เสริมสิริมงคลชีวิต สีอัปมงคลตามวันเกิด

สีเสื้อประจําวัน เสริมสิริมงคลชีวิต สีอัปมงคลตามวันเกิด หลายคนชื่นชอบกับเรื่องของ สีเสื้อประจําวัน และ สีเสื้อที่ถูกโฉลกตามวันเกิด ซึ่งสีเสื้อมงคลเหล่านี้คุณสามารถนำไปใช้ได้กับการเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้ประจำวันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เครื่องประดับ รองเท้า เป็นต้น นอกจากนี้เพื่อเป็นการเสริมดวงเพิ่มความเฮงอย่างสมบูรณ์แบบ ในเมื่อเราทราบถึงสีที่เป็นสีประจําวันถูกโฉลกกับตัวเองแล้ว ก็ควรจะต้องหลีกเลี่ยงสีที่เป็นอัปมงคลกับตัวเองด้วยเช่นกัน มาดูกันสิว่าสีไหนจะเป็นมงคลถูกโฉลกและไม่ถูกโฉลกกับตัวคุณบ้าง

สีเสื้อประจําวัน เสริมสิริมงคลชีวิต สีอัปมงคลตามวันเกิด

ในหนึ่งสัปดาห์จะประกอบด้วยวันทั้งเจ็ด ซึ่งในแต่ละวันนัั้นก็จะมีสีประจำวันอย่างที่เราๆ เคยท่องกันเมื่อตอนสมัยเด็กๆ อย่าง วันอาทิตย์สีแดง วันจันทร์สีเหลือง วันอังคารสีชมพู อะไรประมาณนี้ เคยสงสัยกันบ้างรึเปล่าว่าสีเหล่านี้มีที่มา หรือกำหนดได้จากอะไรบ้าง ? ชื่อของวันทั้งเจ็ด โดยแต่ละอารยธรรมก็มีที่มาของชื่อร่วมกัน คล้ายกัน คือ มาจากชื่อของดวงดาวบนท้องฟ้าที่เราสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวพฤหัส และดาวเสาร์ เมื่อรวมเข้ากับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ก็จะได้เป็นดาวทั้งเจ็ดที่คนโบราณเข้าใจว่าเป็นบริวารของโลก ส่วนเรื่องของสีประจำวันนั้น ชาวไทยได้รับคติความเชื่อส่วนใหญ่มาจากฮินดู ซึ่งเชื่อกันว่าในแต่ละวันจะมีเทวดาประจำวัน เรียกว่า เทวดานพเคราะห์ ประจำอยู่ อีกทั้งยังมีที่มาของการเกิดสีประจำวันที่แตกต่างกันตามความเชื่อ ซึ่งเล่าสืบต่อกันมา

สีเสื้อประจําวัน เสริมสิริมงคลชีวิต สีอัปมงคลตามวันเกิด

สีเสื้อประจำวันของแต่ละวัน

วันอาทิตย์ พระอิศวรได้ร่ายพระเวทให้ราชสีห์ 6 ตัวป่นเป็นผง จากนั้นจึงห่อด้วยผ้าสีแดง ประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิดเป็น พระอาทิตย์ มีกายสีแดง

วันจันทร์ พระอิศวรได้ร่ายพระเวทให้นางฟ้า 15 นางกลายเป็นผงละเอียด จากนั้นจึงห่อด้วยผ้าสีเหลืองอ่อน ประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิดเป็น พระจันทร์ มีกายสีเหลืองนวล

วันอังคาร พระอิศวรได้ร่ายพระเวทให้กระบือ (ควาย) 8 ตัวกลายเป็นผง จากนั้นห่อด้วยผ้าสีแดงหลัว ประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิดเป็น พระอังคาร มีกายเป็นสีแก้วเพทายซึ่งมีสีชมพู

วันพุธ พระอิศวรได้ร่ายพระเวทให้พญาคชสาร (พญาช้าง) 17 เชือกกลายเป็นผง จากนั้นห่อด้วยผ้าสีเขียวใบไม้ ประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิดเป็น พระพุธ มีกายเป็นสีแก้วมรกตซึ่งมีสีเขียว

วันพฤหัสบดี พระอิศวรได้ร่ายพระเวทให้พระฤๅษี 19 ตนกลายเป็นผง จากนั้นห่อด้วยผ้าสีแสด ประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิดเป็น พระพฤหัสบดี มีกายเป็นสีแสด

วันศุกร์ พระอิศวรได้ร่ายพระเวทให้พระโค (วัว) 21 ตัวกลายเป็นผง จากนั้นห่อด้วยผ้าสีน้ำเงิน ประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิดเป็น พระศุกร์ มีกายเป็นสีคราม

วันเสาร์ พระอิศวรได้ร่ายพระเวทให้เสือ 10 ตัวกลายเป็นผง จากนั้นห่อด้วยผ้าสีดำหลัว ประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิดเป็น พระเสาร์ สีกายสีดำหลัว หรือสีม่วง

วันพุธกลางคืน (พระราหู) พระอิศวรผู้เป็นเจ้าสร้างพระราหูขึ้นโดยใช้ศีรษะผีโขมด 12 ตัวมาป่นลง แล้วประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิดเป็น พระราหู สีกายสีดำนิล