บ้านที่อยู่รวมกันห้ามสร้างหลังคาซ้อนกันในทางฮวงจุ้ยถือเป็นลักษณะที่ไม่ดีควรหลีกเลี่ยง

การจัดวางและโครงสร้างของบ้านมีอิทธิพลอย่างมากต่อความเป็นอยู่ที่ดีและความสามัคคีของผู้อยู่อาศัย หลักการหนึ่งที่มักถูกมองข้ามคือการออกแบบหลังคาในที่อยู่อาศัยร่วมกันหรือในชุมชนของครอบครัว ตามหลักฮวงจุ้ย การมีหลังคาซ้อนกันในบ้านที่อยู่รวมกันนั้น ถือเป็นลักษณะที่ไม่ดีและควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง บ้านที่สร้างใกล้กันควรหลีกเลี่ยงการมีหลังคาทับซ้อนกันแต่เหตุใดสิ่งนี้จึงสำคัญ

เหตุผลหลักๆ ในทางฮวงจุ้ยที่อธิบายถึงผลเสียของการมีหลังคาซ้อนกัน ได้แก่:
ภาระหนักและปัญหา: หลังคาซ้อนกันมักถูกตีความว่าเป็นการแบกรับภาระที่หนักอึ้ง มีแต่ปัญหาหนักๆ เข้ามาในชีวิตของผู้อยู่อาศัย
ความขัดแย้งและทะเลาะเบาะแว้ง: การที่หลังคาเกยกันอาจสื่อถึงความขัดแย้ง การไม่ลงรอยกันของผู้อยู่อาศัยในบ้าน ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งและอยู่ไม่เป็นสุข
การรั่วไหลของโชคลาภ/ทรัพย์สิน: หากหลังคาซ้อนกันแล้วมีการรั่วซึมของน้ำฝน (ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงตามหลักวิศวกรรมอยู่แล้ว) ในทางฮวงจุ้ยจะตีความว่าเป็นการรั่วไหลของโชคลาภและทรัพย์สิน
ความไม่มั่นคงและอันตราย: ในอดีตที่บ้านไม่ได้แข็งแรงเท่าปัจจุบัน การมีหลังคาซ้อนกันยิ่งเป็นเรื่องที่อันตรายและไม่มั่นคง

ความหมายเบื้องหลังความสมดุลของหลังคาในฮวงจุ้ย
ในหลักฮวงจุ้ย หลังคาเป็นตัวแทนของการปกป้อง สถานะ และการไหลของพลังงาน เมื่อสร้างบ้านด้วยหลังคาที่ทับซ้อนกันหรือวางในตำแหน่งที่ต่างกันในลักษณะที่ไม่สมดุล อาจทำให้เกิดพลังงานที่ไม่สมดุลหรือ “ซาชี่” ซึ่งเป็นพลังงานเชิงลบที่ทำลายความสงบสุขและความเจริญรุ่งเรือง

เมื่อหลังคาด้านหนึ่งสูงกว่าหรือสูงกว่าด้านอื่นอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าหลังคาด้านหนึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ ในครอบครัว อาจทำให้เกิดความตึงเครียด การแย่งชิงอำนาจ หรือการขาดความเคารพระหว่างรุ่นหรือสาขาของตระกูล

บล็อกพลังงานบวก (ชี่)
ฮวงจุ้ยส่งเสริมให้พลังงานไหลเวียนอย่างราบรื่น หลังคาที่ทับซ้อนกันอาจขัดขวางไม่ให้พลังชี่เข้าสู่บ้านอย่างเท่าเทียมกัน บ้านชั้นล่างอาจได้รับแสง อากาศ และพลังงานน้อยลง ทำให้เกิดความซบเซาและโชคร้าย

การระงับเชิงสัญลักษณ์
หลังคาบ้านที่บดบังหลังคาบ้านอื่นหมายถึงครอบครัวหนึ่งกดทับอีกครอบครัวหนึ่ง ซึ่งอาจปรากฏให้เห็นในชีวิตจริง เช่น ครอบครัวหนึ่งต้องเผชิญกับอุปสรรคมากขึ้น หรือถูก “บดบัง” โอกาสและความสัมพันธ์

ส่งผลต่อความสามัคคีในหมู่ชาวบ้าน
บ้านที่อยู่ในบริเวณเดียวกันควรอยู่ร่วมกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สถาปัตยกรรมที่ไม่กลมกลืนกันอาจนำไปสู่การสื่อสารที่ผิดพลาด ความขัดแย้ง และการขาดความร่วมมือระหว่างผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้กัน

การแก้ไขเบื้องต้น:
หากหลีกเลี่ยงไม่ได้และบ้านมีการสร้างหลังคาซ้อนกันไปแล้ว มีข้อแนะนำเบื้องต้นในการแก้ไขตามหลักฮวงจุ้ยดังนี้:
ติดรางน้ำ: การติดรางน้ำบริเวณรอยต่อของหลังคาที่ซ้อนกัน เพื่อให้น้ำฝนไม่ไหลทับซ้อนกัน และดักกระแสน้ำให้ไหลไปในทิศทางที่มองไม่เห็นจากภายในบ้าน ถือเป็นการแก้ไขที่ช่วยลดผลเสียได้
ใช้แฟลชชิ่ง (Flashing): การใช้วัสดุที่เรียกว่า “แฟลชชิ่ง” บริเวณรอยต่อของหลังคากับผนังปูน จะช่วยป้องกันการรั่วซึมได้ดีกว่าการใช้ซิลิโคน ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาทางกายภาพและส่งผลดีต่อฮวงจุ้ยด้วย
การจัดองค์ประกอบฮวงจุ้ยอื่นๆ: บางกรณีอาจแนะนำให้ใช้ของฮวงจุ้ยบางอย่างมาช่วยในการปรับสมดุลพลังงาน หรือทำรั้วกั้นเพื่อเบี่ยงพลังงานที่ไม่ดี

เคล็ดลับฮวงจุ้ยที่แนะนำ
รักษาความเท่าเทียมกันของระดับหลังคา : ออกแบบหลังคาให้มีความสูงและรูปทรงที่คล้ายคลึงกันเพื่อสะท้อนถึงความเท่าเทียมและความสมดุลระหว่างบ้านทุกหลัง
ใช้องค์ประกอบการเชื่อมต่อ : รวมลานกลางแจ้ง สวนส่วนกลาง หรือทางเดินเพื่อส่งเสริมความสามัคคีและการไหล
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย : สำหรับบ้านพักอาศัย โดยเฉพาะบ้านที่มีครอบครัวใหญ่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย เพื่อให้แน่ใจว่ามีความสมดุลทางสถาปัตยกรรมและพลังงาน

ฮวงจุ้ยไม่ได้หมายความถึงความสวยงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังหมายความถึงการปรับให้สอดคล้องกับธรรมชาติเพื่อสร้างชีวิตที่สงบสุข มั่งคั่ง และสมดุล การหลีกเลี่ยงการสร้างหลังคาทับซ้อนกันในพื้นที่อยู่อาศัยร่วมกันจะช่วยส่งเสริมความสามัคคีและความเท่าเทียมกันภายในครอบครัวหรือชุมชน ทำให้ผู้อยู่อาศัยทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข นอกจากเรื่องของฮวงจุ้ยแล้ว การมีหลังคาซ้อนกันยังอาจส่งผลเสียในทางวิศวกรรม เช่น ปัญหาการรั่วซึมที่แก้ไขยากและอาจทำให้น้ำซึมเข้าโครงสร้างบ้านได้ ดังนั้น การออกแบบและก่อสร้างที่ไม่ให้หลังคาซ้อนกันหรือเกยกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดทั้งในทางฮวงจุ้ยและความปลอดภัย