ดวงเมืองพยากรณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะโจมตีเมืองใหญ่สี่ครั้งภายในปีหนึ่งมีความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายแก่ชีวิต

ในโหราศาสตร์ไทยดวงเมืองหมายถึงดวงชะตาของเมือง ซึ่งคำนวณจากเวลาและวันที่ก่อตั้งเมือง เช่นเดียวกับที่โชคชะตาของแต่ละบุคคลสามารถอ่านได้จากการเรียงตัวของดาวเคราะห์ ดวงชะตาของเมืองก็เผยให้เห็นช่วงเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรือง ความท้าทายและการเปลี่ยนแปลง เมื่อดาวเคราะห์มีอิทธิพลเหนือแผนภูมิเมือง นักโหราศาสตร์จะตีความสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นสัญญาณของความตึงเครียด ความไม่มั่นคงหรือภัยพิบัติ

การเกิดอุบัติภัยครั้งใหญ่รวม 4 รอบ ภายในปีหนึ่ง (ซึ่งข้อมูลที่มีการอ้างถึงคือปี 2568) โดยเป็นอุบัติภัยที่มีความเสี่ยงที่จะสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินในเมืองใหญ่ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจหรือสังคม ซึ่งประเภทของอุบัติภัยที่ถูกกล่าวถึง ได้แก่:
แผ่นดินไหว
ปืนไฟ แก๊สระเบิด
ลมพายุ/น้ำท่วม
ช่วงเวลาที่มีการกล่าวถึงความเสี่ยงอุบัติภัยใหญ่ (ตามข้อมูลที่ค้นพบ):
ช่วงปลายปี (เช่น ธันวาคม) ที่มักมีโอกาสเกิดภัยจากลมพายุ/น้ำ
ช่วงอื่น ๆ ตลอดทั้งปีที่ถูกกล่าวถึงในคำทำนาย (เช่น มกราคม-เมษายน, กันยายน-ธันวาคม)

ภัยพิบัติใหญ่ 4 ประการที่อาจส่งผลกระทบต่อเมืองใหญ่
1. ภัยพิบัติทางธรรมชาติ – พลังแห่งการชำระล้างของโลก
วัฏจักรทางโหราศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าเมืองที่สร้างขึ้นใกล้แหล่งน้ำหรือแนวรอยเลื่อนอาจเผชิญกับน้ำท่วม แผ่นดินไหว หรือพายุในช่วงที่ดาวเคราะห์บางดวงโคจรมาบรรจบกัน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อราหูและเกตุ (โหนดของดวงจันทร์) เคลื่อนผ่านธาตุดินและธาตุน้ำในจักรราศี มักนำพาพลังธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้
ผลกระทบ:อุปสรรคในการขนส่ง การทำลายที่อยู่อาศัย และภาวะเศรษฐกิจถดถอย
บทเรียน:เมืองต่างๆ ต้องเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานและจัดทำแผนรับมือสภาพภูมิอากาศเพื่อปรับตัวให้เข้ากับวัฏจักรของธรรมชาติ

2. การล่มสลายทางเศรษฐกิจ – กรรมของความโลภและการเติบโตที่มากเกินไป
ในช่วงที่ดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีโคจรมาบรรจบกันอย่างรุนแรง นักโหราศาสตร์มักคาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวหรือวิกฤตการณ์ทางการเงิน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการแก้ไขทางกรรม เตือนให้สังคมสร้างสมดุลระหว่างความมั่งคั่งทางวัตถุกับความรับผิดชอบทางจริยธรรม
ผลกระทบ:การว่างงาน วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ และความไม่เท่าเทียมที่เพิ่มสูงขึ้น
บทเรียน:ความรอบคอบทางการเงิน การลงทุนที่ยั่งยืน และการสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น สามารถช่วยรับมือกับวัฏจักรเหล่านี้ได้

3. ความไม่สงบทางสังคมและการเมือง – ไฟแห่งการเปลี่ยนแปลง
ดาวอังคารและราหูเมื่อโคจรมาบรรจบกันมักก่อให้เกิดพลังอันร้อนแรง ซึ่งแสดงออกในรูปแบบของการประท้วง ความวุ่นวายทางการเมือง หรือความขัดแย้งภายใน ในโหราศาสตร์ สิ่งนี้แสดงถึงเจตจำนงร่วมของเมืองที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง
ผลกระทบ:ความตึงเครียดในหมู่ประชาชน การเปลี่ยนแปลงผู้นำ และการเปลี่ยนแปลงในระบบการปกครอง
บทเรียน:การเจรจาอย่างเปิดเผย การปกครองที่ยุติธรรม และความยุติธรรมทางสังคม เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความสามัคคีในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย

4. วิกฤตการณ์ทางเทคโนโลยีหรือโครงสร้างพื้นฐาน – ยุคแห่งกรรมดิจิทัล
ในขณะที่มนุษยชาติพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น โหราศาสตร์จึงตีความพลังงานอันผันผวนของดาวยูเรนัสและดาวพุธว่าเป็นสัญญาณเตือนถึงการโจมตีทางไซเบอร์ ระบบขัดข้อง หรือไฟฟ้าดับ
ผลกระทบ:การสูญเสียข้อมูล การสื่อสารขัดข้อง และความตื่นตระหนกทั่วเมือง
บทเรียน:การเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์และการปลูกฝังความตระหนักรู้ด้านจริยธรรมดิจิทัลสามารถช่วยให้เมืองต่างๆ เตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวได้

บทบาทของจิตสำนึกของมนุษย์ในโชคชะตาของเมือง
แม้ว่าโหราศาสตร์จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเชิงสัญลักษณ์ แต่ก็ไม่ได้กำหนดชะตากรรมที่แน่นอน นักโหราศาสตร์หลายคนเน้นย้ำว่าจิตสำนึกของมนุษย์และการกระทำร่วมกันสามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้เมื่อประชาชนร่วมแรงร่วมใจกันส่งเสริมสันติภาพ ความยั่งยืน และการดำเนินชีวิตอย่างมีจริยธรรม พลังแห่งดวงชะตาของเมืองก็สามารถเปลี่ยนไปสู่การปกป้องคุ้มครองและความเจริญรุ่งเรืองได้

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
คำทำนายเรื่องดวงเมืองและอุบัติภัยเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคลและเป็นข้อมูลที่มาจากการวิเคราะห์ทางโหราศาสตร์ ซึ่งผู้ที่ได้รับทราบข้อมูลควรใช้วิจารณญาณในการรับฟัง
สิ่งที่สำคัญกว่าการวิตกกังวลคือการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นได้จริงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลเตือนภัยอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานของรัฐ เช่น การเฝ้าระวังเรื่องภัยพิบัติทางธรรมชาติ การตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารและระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ