ดวงเมืองประเทศปี 2564 ดวงเมืองช่วง เม.ย. – ก.ย. 64 การเมือง จะเป็นช่วงที่การเมืองเริ่มมีความดุเดือด และมีความขัดแย้งมากขึ้น ม็อบสารพัดอาชีพจะเริ่มออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และกฎหมายที่ส่งผลกระทบ รวมไปถึงม็อบคนจน และเจ้าของธุรกิจที่ปิดกิจการไปในช่วงปี 2563 ถึงต้นปี 2564 ก็จะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบ หรือลาออก อีกทั้งจะมีม็อบขนาดเล็ก ชุมนุมประท้วงกันในหลายจังหวัดเนื่องจากไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล
และถ้าม็อบทั้งหมดนี้ และถ้ารัฐบาลยังเมินเฉยต่อข้อเรียกร้องของประชาชนเหล่านี้ ม็อบทั้งหมดจะรวมตัวกันมาเป็นม็อบใหญ่เข้ามาในกรุงเทพฯ จะทำให้เกิดเหตุการณ์นำไปสู่ความรุนแรง มีการนองเลือด มีคนเสียชีวิตเหมือนช่วง เมษาปี 2552 และ พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ซึ่งถ้ามีประชาชนเสียชีวิตในช่วงนี้ ปลายปีจะส่งผลทำให้รัฐบาลมีปัญหาด้านเสถียรภาพ ขาดความน่าเชื่อในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง และรัฐบาลชุดเดิมจะไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งต่อได้ ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนตัวนายก หรือจับขั้วทางการเมืองใหม่
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบนี้ก็จะทำให้พรรคฝ่ายค้านเกิดความแตกแยก ไม่มีเอกภาพด้วยเช่นกัน ส่งผลทำให้ช่วงครึ่งปีหลัง รัฐบาลนอกจากไม่มีเสถียรภาพในการทำงาน และไม่มีความน่าเชื่อถือแล้ว ฝ่ายค้านก็แตกแยกกันจนไม่มีการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล และล้มเหลวในการผลักดันการแก้ไขรธน. ส่งผลทำให้ ช่วงเดือนตุลาคม การแก้ไขรธน. ที่ผลักดันกันมาในปี 2563 จะล้มเหลว กลับไปเริ่มต้นนับศูนย์ใหม่ ไม่มีการแก้ไขรธน.เกิดขึ้น
เศรษฐกิจ – สังคม
ช่วงเดือนเมษายน การระบาดของไวรัสโควิด 19 จะลดลง และเริ่มมีการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยง และจะมีรพ. เอกชนนำเข้าวัคซีนมาขายให้กับคนที่มีฐานะฉีด ส่งผลทำให้การท่องเที่ยว และการเดินทางติดต่อต่างประเทศเริ่มกลับมา ซึ่งเป็นไปตามการโคจรของดาวพฤหัส ดาวศุกร์ และราหู ที่เริ่มโคจรรวดเร็ว แปลว่าธุรกิจด้านการท่องเที่ยว นำเข้าส่งออก และงานอีเวนท์ต่างๆ ที่ถูกยกเลิก หรือไม่ได้จัดมาตั้งแต่ปี 2563 กลับมาจัดได้ในช่วงนี้เป็นต้นไป ส่งผลทำให้การท่องเที่ยว และค้าขายกลับมาดีขึ้น แต่พอเกิดปัญหาทางการเมืองก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจสะดุดเป็นพักๆ
อย่างไรก็ตาม พอเข้าช่วงเดือนกันยายน เศรษฐกิจก็จะกลับมามีปัญหาต่อ เพราะเงินหมุมเวียนในระบบเศรษฐกิจมีปัญหา รวมถึงค่าเงินบาทที่ไม่แน่นอน หุ้นตก และปัญหาหนี้สินของภาครัฐ ที่อาจจะส่งผลทำให้มีการตัดงบประมาณในหน่วยงานต่างๆ และตัดเงินสวัสดิการช่วยเหลือประชาชน ส่งผลทำให้เกิดวิกฤตเงินฝืดอย่างรุนแรง
ช่วง เมษายน นอกจากปัญหาความรุนแรงทางการเมืองจะทำให้มีคนเสียชีวิตเยอะแล้ว ก็ยังจะมีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ และอุบัติเหตุในสถานที่ก่อสร้างมากกว่าปี 2563 อีกทั้งตั้งแต่เดือนเมษาย จนถึง มิถุนายนจะเป็นช่วงที่เกิดวิกฤตภัยแล้งอย่างรุนแรง และจะมีปัญหาไฟป่าในแถบ ภาคเหนือ และภาคตะวันตก ส่งผลทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และอาจจะมีคนเสียชีวิตจากไฟไห้มป่า
ส่วนในเขตกทม. ช่วงเดือน พฤษภาคม – กันยายน ให้ระวังจะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้อาคารขนาดใหญ่ในเมือง หรือเกิดอุบัติเหตุแก๊สระเบิด ที่ส่งผลทำให้มีคนเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งอาจจะมีจำนวนผู้เสียชีวิตพอๆ กับเหตุการณ์รถแก๊สระเบิดในปี 2534
นอกจากนี้ ปัญหาอาชญากรรมในกทม. จะพุ่งขึ้นสูงมาก จะมีการก่ออาชญกรรมที่เล็กน้อยๆ ไปจนถึงอาชญกรรมสะเทือนขวัญที่ทำให้มีคนเสียชีวิตจากอาชญากรรมในแต่ละเดือนมากกว่าช่วงปี 2563
ดวงเมืองช่วง ต.ค – ธ.ค. 64
การเมือง
จะเป็นช่วงที่การเมืองวุ่นวาย สภาอยู่ในภาวะที่ล้มเหลว ไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากความแตกแยกทั้งจากพรรครัฐบาล และฝ่ายค้าน มีการล้มการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เสนอมาตั้งแต่ปี 2563 ส่งผลทำให้การเมืองถอยหลัง กลับไปในช่วงปลายปี 2563 และต้องเริ่มต้นกลับมานับหนึ่งใหม่ ส่งผลทำให้เกิดม็อบสารพัดรูปแบบออกมาเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาลอีกครั้ง แต่การเมืองจะติดล็อกไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เนื่องจากศาล และองค์อิสระไม่วางตัวเป็นกลาง จนถึงผู้มีอำนาจไม่ยอมถอย อาจจะส่งผลทำให้ช่วงเดือน ต.ค. – พ.ย. มีความเสี่ยงที่จะเกิดรัฐประหารล้มยึดอำนาจ ล้มล้างรัฐสภาโดยใช้ข้ออ้างความแตกแยกของรัฐบาล และประชาชนมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งอาจจะทำให้การเมืองไทยถอยหลังกลับไปอยู่ในยุคเผด็จการสฤษดิ์อีกครั้ง
เศรษฐกิจ – สังคม
ปัญหาด้านเสถียรภาพของรัฐบาล จะทำให้นักลงทุน และนักธุรกิจขาดความเชื่อมั่น ตลอดจนเรื่องรัฐสภาไม่ทำงานในการแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายให้กับประชาชน และการล้มการแก้รธน. จะส่งผลทำให้เศรษฐกิจช่วงปลายปีหยุดชะงัก ไม่มีใครกล้าลงทุน ไม่มีใครกล้าใช้เงิน จนกว่าจะมีรัฐบาลที่น่าเชื่อ และมีนโยบายด้านเศรษฐกิจที่ชัดเจน ซึ่งแม้ว่าช่วงปลายปี ปัญหาวิกฤตโควิด 19 อาจจะคลี่คลายไปแล้ว แต่ปัญหาการเมืองอาจจะทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงัก ไม่ต่างจากช่วงที่เกิดวิกฤตโควิดมากนัก อีกทั้งอาจจะทำให้ธุรกิจค้าปลีก และท่องเที่ยวบางส่วนที่เอาตัวรอดมาได้จากวิกฤตโควิด อาจจะต้องล้มเลิกกิจการ หรือเจอปัญหาด้านเงินทุนอีกครั้ง รวมไปถึงอาจจะมีสถาบันการเงิน หน่วยงานรัฐวิสหากิจ ที่เจอปัญหาขาดทุน หนี้เสีย และค่าเงินบาท ทำให้ต้องมีการแปรรูปใหม่ หรือโดนรัฐบาลขายทิ้งไปเพื่อตัดปัญหา
ในช่วงปลายปี 2564 ปัญหาอาชญากรรมจะพุ่งสูงมากกว่าช่วงกลางปี และธุรกิจสีเทาเช่นปล่อยเงินกู้นอกระบบ หวยใต้ดิน บ่อนการพนัน และการค้ายาเสพติดจะกลายเป็นธุรกิจทำเงินมากกว่าธุรกิจถูกกฎหมาย จนมีกลุ่มนักการเมือง และข้าราชการเข้าไปร่วมกับธุรกิจประเภทนี้อย่างออกหน้าออกตา และไม่มีกฎหมายไปทำอะไรได้ รวมถึงตำรวจ ทหารล้วนใส่เกียร์ว่าง เพราะอาจจะมีบางคนเข้าไปพัวพัน ส่งผลทำให้สังคมประเทศไทยในช่วงปลายปี 2564 ค่อนข้างจะเป็นแดนสนธยา คนที่ทำธุรกิจถูกกฎหมายอาจจะไม่รุ่ง แถมต้องอยู่เงียบๆ แต่คนทำธุรกิจผิดกฎหมายกลายเป็นคนมีอำนาจบารมี ตำรวจ ทหาร นักการเมืองเกรงใจ และอาจจะได้เข้าไปมีตำแหน่งทางการเมือง หากเกิดรัฐประหารขึ้นมา ซึ่งยิ่งจะทำให้ปัญหาสังคมไทยมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนอาจจะเข้าใกล้สู่ความเป็น Fail State ซึ่งทั้งหมดนี้อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าศาล และผู้ใหญ่ในบ้านในเมืองนี้รู้จักยอมรับว่าตัวเองทำผิด และยืนข้างความถูกต้องมากกว่าจะพยายามดันทุรังให้พวกตัวเองถูกไม่เคยทำผิด จนถึงกับต้องยอมตัดสินแบบบิดเบือนกฎหมายสูงสุดของประเทศให้คนพวกนี้ได้มีอำนาจอยู่ในตำแหน่งต่อในขณะที่ เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศเสื่อมไปเรื่อยๆ